ทำไมผู้ป่วยมะเร็งลำไส้มักจะน้ำหนักลด

มะเร็งไม่ใช่แค่เนื้อร้ายทำลายเซลล์ แต่ยังส่งผลต่อภาวะโภชนาการของผู้ป่วย
หนึ่งในอาการข้างเคียงที่พบบ่อยของโรคมะเร็ง คือ “น้ำหนักตัวลดลง”
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยน้ำหนักตัวลดลง ?
การกินมีผลกับการรักษาอย่างไร ?
วันนี้ #ลำไส้ศาสตร์ สรุปมีคำตอบมาให้ค่ะ

สาเหตุที่ผู้ป่วยมะเร็งน้ำหนักลด
- ระบบเผาผลาญผิดปกติ
เซลล์มะเร็งทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ทำให้ระบบเผาผลาญ (Metabolism) ทำงานผิดปกติ
โดยกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญอาหารเร็วขึ้น ทำให้ร่างกายต้องการพลังงานจากอาหารมากกว่าเดิม - สูญเสียโปรตีน
ผู้ป่วยมะเร็งจะมีการเผาผลาญโปรตีนผิดปกติ มีอัตราการสร้างโปรตีนของกล้ามเนื้อลดลง ทำให้เกิดการสลายโปรตีนสะสมจากกล้ามเนื้อ มวลกล้ามเนื้อจึงลดลง - มีภาวะเบื่ออาหาร
อาการเบื่ออาหารเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเกิดจากสมองหลั่งสารที่ทำให้ไม่อยากอาหาร การรับรสผิดปกติ หรือเป็นผลจากความเครียด
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อร่างกายต้องการอาหารมากขึ้น แต่ผู้ป่วยกินได้น้อยลงจนได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหารได้

โภชนาการ กับโรคมะเร็ง
ผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากมี “ภาวะขาดสารอาหาร” สาเหตุมาจากความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร ความเครียด ภาวะเบื่ออาหาร หรือผลข้างเคียงจากการรักษา
ภาวะขาดสารอาหารส่งผลกระทบต่อการตอบสนองต่อการรักษา ขณะเดียวกันพบว่าในระหว่างที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ถ้าผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน เพียงพอ จะช่วยให้การรักษาได้ผลดี
มาดูกันค่ะว่า โภชนาการมีผลต่อโรคมะเร็งอย่างไรบ้าง ?
ผลจากภาวะขาดสารอาหาร
- ซูบผิดปกติ ผิวหนังบาง ผมร่วง
- เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ไม่มีกำลังกล้ามเนื้อ
- ภูมิต้านทานลดลง ติดเชื้อง่าย
- ไม่สามารถทนต่อการรักษาได้
- อัตราการรอดชีวิตลดลง
ผลจากโภชนาการดี
- ตอบสนองต่อการรักษาได้ดี ฟื้นตัวเร็ว
- ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดี
- เพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดระยะติดเชื้อ
- รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือฉายรังสีได้
- ลดภาวะแทรกซ้อนจากโรค

ทำอย่างไรหากผู้ป่วยกินน้อยลง
ระหว่างการรักษา ผู้ป่วยหลายคนกินอาหารได้น้อย ทำให้สภาพร่างกายแย่ลง
ทั้งผู้ดูแลและผู้ป่วยจึงต้องช่วยกันปรับวิธี ส่งเสริมโภชนาการที่ดี
เพื่อป้องกันภาวะขาดสารอาหารและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมา
เคล็ดลับการกินสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
- กินโปรตีนให้เพียงพอ
ผู้ป่วยมะเร็งต้องการโปรตีนสูงกว่าคนปกติ ควรเน้นกินอาหารโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ รวมถึงผักอีกหลายชนิด เช่น ผักชายาซึ่งช่วยเพิ่มความอูมามิได้ด้วย ถั่วพู ต้นอ่อนทานตะวัน ผักโขม ตำลึง - กินน้อย แต่บ่อยครั้ง
ถ้าผู้ป่วยกินได้มื้อละน้อยๆ ให้เพิ่มจำนวนครั้งเป็น 5-6 มื้อ หรือลองเพิ่มการกินช่วงก่อนนอน - ใส่ใจการจัดอาหาร น่าทาน หยิบสะดวก
เลือกอาหารหน้าตาน่าทาน และเตรียมอาหารง่ายๆ วางไว้ให้ผู้ป่วยหยิบได้สะดวก - เสริมด้วยอาหารเหลว
กรณีผู้ป่วยยังกินอาหารไม่ได้หรือเบื่ออาหาร ให้ดื่มอาหารเหลวทางการแพทย์ทดแทนอาหารปกติได้ - สร้างบรรยากาศ
ชวนคนในครอบครัวมากินข้าวพร้อมผู้ป่วย หรือคอยนั่งเป็นเพื่อน กระตุ้นให้ผู้ป่วยกินได้มากขึ้น
โภชนาการระหว่างรักษาเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าผู้ป่วยกินอาหารได้ดี ได้รับสารอาหารครบถ้วน ก็จะเป็นผลดีต่อการรักษาและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยค่ะ 🙂 💙
แหล่งอ้างอิง
อนัน ศรีพนัสกุล. (2542). แนวคิดปัจจุบันเกี่ยวกับทุพโภชนาการในผู้ป่วยมะเร็ง. ศรีนครินทร์เวชสาร, 14(4)
จตุรงค์ ตันติมงคลสุข และนรินทร์ วรวุฒิ. (2542). โภชนาการบำบัดสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง. จุฬาลงกรณ์เวชสาร, 43(6).
ศูนย์องค์รวมเพื่อการศึกษาและบำบัดโรคมะเร็ง หน่วยมะเร็งวิทยา สาขาวิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
สาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา ฝ่ายรังสีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, งานโภชนาการ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์