เมื่อมีถุงทวารเทียม จะดูแลและปรับตัวอย่างไร
เมื่อผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ต้องใช้ถุงทวารเทียม อาจทำให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิต การบริโภคอาหาร ตลอดจนการขับถ่าย
คำถามและสถานการณ์ที่มักเกิดขึ้น
- มีทวารเทียมแล้วต้องดูแลอย่างไร
- ทวารเทียมที่ดีเป็นอย่างไร • ผิวหน้าท้องที่ดีเป็นอย่างไร
- จะเกิดการติดเชื้อไหม • ต้องทำความสะอาดอย่างไร
- ออกจากบ้านแล้ว ถุงจะหลุดแตกไหม
เราจะพามาทำความเข้าใจในบทความนี้กัน
ทำความเข้าใจเรื่องการใช้ถุงทวารเทียม
ผู้ใส่ทวารเทียมสามารถใช้ชีวิตได้แทบจะเหมือนเดิม แค่มีข้อควรระวังบางอย่างซึ่งจะทำให้ชีวิตของท่านสะดวกมากยิ่งขึ้น
อาหารเดินทางอย่างไร
ลักษณะการทำงานของระบบย่อยสู่การขับถ่ายนั้น เริ่มจากการทานอาหารเข้าไปทางปาก เคลื่อนผ่านทางหลอดอาหาร มาสู่กระเพาะอาหาร เกิดการย่อย และส่งต่อไปยังลำไส้เล็ก ซึ่งมีความยาว 6-7 เมตร จากนั้นก็เข้าสู่ลำไส้ใหญ่ ถูกดูดซึมน้ำ แล้วกลายเป็นอุจจาระ โดยเดินทางจากส่วนต้นของลำไส้ใหญ่ ไปยังส่วนขวาง และมาส่วนขาลงลงสู่ทวารหนัก ซึ่งอุจจาระจะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งมากขึ้น
ทวารเทียม คืออะไร
ทวารเทียม หรือออสโตมี (Ostomy) เป็นการผ่าตัดให้มีช่องทางเปิดออกทางหน้าท้อง เพื่อให้เป็นทางผ่านของอุจจาระหรือปัสสาวะ เนื่องจากของเสียภายในร่างกายของผู้ป่วยไม่สามารถออกผ่านช่องทางปกติได้ มีทั้งประเภทชั่วคราวและถาวร ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับแผนการรักษาและสภาวะของโรค
โดยลักษณะของทวารเทียม จะมีผิวมันเรียบ ชุ่มชื้น ส่วนใหญ่มีสีแดงหรือสีชมพู ขึ้นอยู่กับว่าเป็นทวารเทียมของระบบใด หากเป็นทวารเทียมของระบบลำไส้ใหญ่ก็จะมีสีออกไปทางแดงเข้ม ส่วนทวารเทียมของระบบลำไส้เล็กจะมีสีชมพู ทวารเทียมไม่มีเส้นประสาท ทำให้เวลาที่เราสัมผัสก็จะไม่เกิดความรู้สึกใดๆ แต่จะมีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยง ทำให้เวลาที่ทำความสะอาด อาจมีเลือดออกได้ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเลือดจะหยุดไหลได้เองในเวลาต่อมา
ตำแหน่งของลำไส้ที่เปิดทวารเทียม บอกลักษณะอุจจาระได้
สิ่งแรกที่ต้องทราบเมื่อต้องทำการเปิดหน้าท้องใส่ถุงทวารเทียม คือ “ตำแหน่งของลำไส้ที่เปิดทวารเทียม” ซึ่งจะทำให้ทราบว่าลักษณะของอุจจาระที่ออกมาจะมีลักษณะเหลว หรือเป็นก้อนแข็ง
ลักษณะของการผ่าตัด

การผ่าตัดที่สามารถตัดต่อลำไส้เพื่อใช้งานแบบปกติได้จะไม่จำเป็นต้องใช้ถุงทวารเทียม แต่หากเป็นการผ่าตัดออกในลักษณะของก้อน ซึ่งมีขอบเขตการผ่าเอาเนื้อร้ายออกที่ขยายวงกว้างออกไป ทำให้ต้องผ่าลำไส้ใหญ่ออกไปเยอะ จะส่งผลให้ไม่สามารถเย็บต่อลำไส้เข้าเหมือนเดิมได้ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องทำการเปิดทวารเทียม
โดยปกติร่างกายคนเราจะมีหูรูดที่ปลายทวารเพื่อควบคุมการขับถ่าย แต่การเปิดทวารเทียมจะทำให้ไม่มีหูรูด จึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์มารองรับ
ตำแหน่งที่เปิดทวารเทียม

ตำแหน่งของการเปิดทวารเทียมในแต่ละคนจะแตกต่างกันไปตามจุดที่เกิดโรค และส่งผลต่อลักษณะของอุจจาระที่ถูกขับถ่ายออกมา โดยหลักการคือ หากยิ่งเป็นตำแหน่งที่ใกล้มาทางส่วนปลายของลำไส้ อุจจาระที่ออกมาก็จะยิ่งแข็ง
- Caecostomy : ส่วนต้นของลำไส้ใหญ่ ลักษณะอุจจาระยังเป็นน้ำ มักยังไม่ต้องใส่ถุงทวารเทียม
- Transverse : ช่วงส่วนขวางของลำตัว ลักษณะอุจจาระเป็นน้ำแต่เริ่มมีเนื้อมากขึ้น
- Descending : ช่วงลำไส้ส่วนขาลง อยู่ทางด้านซ้ายของลำตัว
- Sigmoid : ช่วงส่วนปลายของลำไส้ ลักษณะอุจจาระเป็นก้อนมากขึ้น
- Ileostomy : ช่วงปลายของลำไส้เล็ก อุจจาระจะมีลักษณะเป็นน้ำค่อนข้างเยอะ
เมื่อเราทราบตำแหน่งของการเปิดถุงทวารเทียมแล้ว ลำดับต่อไปจะเป็นการดูว่า ถุงทวารเทียมของเรานั้นเป็นประเภทการใช้งานแบบไหน และมีรูปแบบของการยกลำไส้เป็นชนิดใด
รูปแบบของการยกลำไส้ (Construction)
ลำไส้เล็ก
End Ileostomy

คือ การยกลำไส้ขึ้นมาเดี่ยวๆ โดยยกปลายลำไส้เล็กมาเปิดที่หน้าท้อง เป็นลักษณะรูเดียวโดดๆ และเย็บเยื่อบุติดกับผนังหน้าท้อง
Loop Ileostomy

คือ การยกลำไส้เล็กส่วนปลาย (ileum : อิลเลียม) ขึ้นมาเปิดที่ช่องหน้าท้อง (ด้านขวา) ชั่วคราว เป็นรูปแบบที่เกิดจากความจำเป็นเร่งด่วน โดยจะทำการเกี่ยวลำไส้ขึ้นมา ตัดเปิดด้านบนให้เป็นท่อ แล้วปลิ้นออกมาเป็นช่องเปิด 2 ช่อง ได้แก่
- ช่องทางอุจจาระ
- ช่องทางมูก
ซึ่งเป็นลักษณะที่สามารถทำกลับให้คืนสู่ระบบลำไส้ปกติได้ง่าย
Double Barrel (หรือ End Loop)

คือ การยกลำไส้เล็กส่วนปลาย (ileum) ออกมาที่หน้าท้องแบบเป็น 2 ตำแหน่งที่แยกจากกัน คืออยู่คนละจุดกันทั้งด้านนอกและด้านใน โดยอาจเกิดจากเหตุผลที่เนื้อด้านในกำลังอักเสบมากและไม่สามารถทำงานปกติได้ จึงต้องเปิดออกมาเป็นทวารเทียม โดยมี 3 รูปแบบ คือ
- Fulminant diverticulitis
- Necrotizing enterocolitis
- CA colon : obstructive type
ลำไส้ใหญ่
มีรูปแบบเดียวกันกับลำไส้เล็ก


การกำหนดตำแหน่งทวารเทียม ก่อนทำการผ่าตัด
เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าต้องรับการรักษาโดยผ่าตัดทำทวารเทียม ก่อนทำการผ่าตัดจะมีการพิจารณากำหนดตำแหน่งทวารเทียมโดยพยาบาลและผู้ป่วย เป็นการประเมินว่าตำแหน่งไหนจะเหมาะที่สุดเพื่อให้ทำการดูแลได้ง่าย ทั้งนี้อาจไม่สามารถทำตามใจได้ 100% เพราะขึ้นอยู่กับพยาธิสภาพด้านในร่างกายของเราด้วย
หลักการพิจารณาตำแหน่ง
- วางอยู่บน rectus muscle (กล้ามเนื้อชนิดหนึ่งในทางเดินอาหาร)
- เลือกบริเวณผิวหนังที่เรียบ ไม่มีรอยแผลเป็น
- หลีกเลี่ยงบริเวณสะดือ ชายโครง หรือปุ่มกระดูก
- ตำแหน่งที่ผู้ป่วยสามารถมองเห็น สามารถดูแลตนเองได้
- ให้ผู้ป่วยทดลองปิดถุงเพื่อสังเกตการค้ำของแป้น
ตำแหน่งที่เหมาะสมของช่องเปิดทวารเทียม
- อยู่ภายในขอบเขตของชั้นกล้ามเนื้อ (rectus sheath)
- ไม่อยู่ใน/ใกล้ตำแหน่งรอยแผลเก่า หรือแนวแผลผ่าตัด
- ไม่อยู่ในรอยพับของผนังหน้าท้อง
- ไม่อยู่ใกล้สะดือ (ยกเว้นกรณี continent diversion)
- ไม่อยู่ที่ตำแหน่งขอบกระโปรงหรือกางเกง
- ไม่อยู่ใกล้ปุ่มกระดูก
- อยู่ในตำแหน่งที่ผู้ป่วยมองเห็น
ถุงทวารเทียมช่วยอะไร
- เมื่อเรามีทวารเทียม ทำให้ไม่มีหูรูด จึงต้องใช้ถุงมารองรับปัสสาวะและอุจจาระ
- ใช้ถุงปิดเพื่อป้องกันกลิ่น และการหกรั่ว
- ปกป้องผิวหนัง
- ช่วยให้คนไข้ดูแลตัวเองได้ ทำกิจวัตรประจำวันปกติได้
- ช่วยเพิ่มความปลอดภัยทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
ปัจจัยการเลือกถุงทวารเทียม
ในการเลือกถุงทวารเทียมนั้น นอกจากการเลือกประเภท ลักษณะของถุงที่จะนำมาติดบนร่างกาย และพิจารณาสรีระหน้าท้องของผู้ป่วยแล้ว ยังอาจพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น
- การขยับเคลื่อนไหวร่างกาย หรือการใช้มือเป็นปกติไหม
- ตามองเห็นได้ดีไหม
- มีกิจกรรมในชีวิตประจำวันมากน้อยแค่ไหน ต้องการตัวช่วยซัพพอร์ตหรือไม่
สามารถปรึกษากับพยาบาลได้เลย
ชนิดของอุปกรณ์
รู้จักแป้นและถุงรองรับของเสีย
หลังการผ่าตัดผู้ที่มีทวารเทียมจะมีอุปกรณ์ 2 อย่าง เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ นั่นก็คือแป้นและถุงรองรับของเสีย ซึ่งในปัจจุบันอุปกรณ์เหล่านี้มีหลากหลายแบบให้เลือกตามความต้องการของผู้ใช้งาน
แบ่งตามลักษณะของสิ่งที่ขับถ่าย ได้แก่
- อุปกรณ์รองรับอุจจาระ
- อุปกรณ์รองรับปัสสาวะ
โดยแบ่งตามคุณสมบัติและความเหมาะสมในการเลือกใช้ได้ ดังนี้
แบบ 1 ชิ้น (One piece appliance)
แป้นและถุงอยู่ด้วยกัน
มีอายุการใช้งาน 3-5 วันต่อชิ้น เหมาะสำหรับผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก เพราะไม่ต้องวัดขนาดทวารเทียมก่อนแล้วค่อยตัดแป้น สามารถเลือกขนาดที่พอดีได้เลย โดยตัวแป้นจะเชื่อมกับถุงรองรับเป็นชิ้นเดียว สามารถทากาวแล้วแปะติดกับผิวหนังรอบๆ ทวารเทียมได้เลย ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
แบบ 2 ชิ้น (Two piece appliance)
แป้นและถุงแยกกันได้
ตัวแป้นจะมีอายุการใช้งาน 5-7 วันต่อชิ้น ซึ่งตัวแป้นกับถุงรองรับจะแยกชิ้นกัน โดยแปะแป้นให้ติดกับผิวหนังรอบๆ ทวารเทียมก่อน จากนั้นจึงค่อยนำถุงรองรับมาแปะกับแป้นอีกที
ข้อดีคือถุงรองรับแบบนี้จะสามารถถอดออกมาเพื่อล้างทำความสะอาดได้
อุปกรณ์แบบ 200 ปี
ใช้สำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่แพ้พื้นผิวแป้นของถุงทวารเทียม
- ประกอบด้วยตัววงพลาสติก 2 วง ถุงพลาสติก และสายเข็มขัด
- ยึดตัวถุงด้วยวงพลาสติก 2 วง
- วงพลาสติกยึดติดกับผู้ใช้ด้วยสายเข็มขัด
- ถุงพลาสติกเป็นถุงบรรจุอาหารมีขายทั่วไปตามท้องตลาด
- ถุงมีราคาถูก ใช้แล้วทิ้ง ไม่ต้องนำกลับมาใช้ใหม่
- มีข้อดีข้อเสียตามความเหมาะสมในการเลือกใช้
ข้อดี : ใช้ง่าย ราคาถูก ไม่ต้องดูแลล้างถุง
ข้อเสีย : เก็บกลิ่นไม่ได้ มีโอกาสรั่วซึมสูง เป็นอันตรายต่อผิวหนังรอบทวารเทียมได้ง่าย
อุปกรณ์เสริม
เราสามารถนำอุปกรณ์เสริมมาใช้เพื่อช่วยในเรื่องต่างๆ เช่น ดับกลิ่น เพิ่มความโค้ง ตัวซัพพอร์ตไม่ให้ท้องนูน รวมถึงการใช้แป้ง กาวต่าง ๆ เป็นต้น
ถุงรองรับแบบต่างๆ
ถุงรองรับอุจจาระ
อุปกรณ์ถุงรองรับสำหรับระบบอุจจาระ ปลายถุงจะมีปากกว้าง โดยจะมีทั้งประเภท
ใช้ครั้งเดียว
เป็นแบบปลายปิดสำหรับอุจจาระ
แบบใช้ซ้ำ
เป็นประเภทแบบปลายเปิด (เปิดปลายถุงนำของเสียออกได้)
ถุงรองรับปัสสาวะ
อุปกรณ์ถุงรองรับระบบทางเดินปัสสาวะ จะเป็นปลายก๊อก มีระบบที่ทำให้น้ำปัสสาวะไม่ไหลกลับเข้าสู่ทวารเทียม เพื่อป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
แบบ Cut-to-Fit
แบบ Cut-to-Fit เป็นการตัดถุงให้มีขนาดพอดีกับทวารเทียม โดยต้องมีการลอกแบบจากตำแหน่งจริงของผู้ป่วย หรือเป็นถุงที่ตัดมาแล้วตามขนาดที่ใกล้เคียง สำหรับคนไข้ที่ไม่สะดวกในการตัดเอง
ชนิดรูปถ้วย (Convex Pouching)
แป้นจะมีลักษณะเป็นปุ่มนูน หรือเป็นถ้วยขึ้นมา ใช้สำหรับผู้ที่มีทวารเทียมลักษณะอยู่ตรงระดับผิวหนัง อยู่ในร่องท้อง หรือมีลักษณะบุ๋มเป็นหลุมลงไป
การดูแลทวารเทียม
ทำความสะอาด
แค่คิดว่าสิ่งนี้เป็นเหมือนก้นของเรา สามารถทำความสะอาดได้ด้วยน้ำประปาปกติ หรือน้ำที่ไม่สกปรกเกินไป
หลักการคือ แค่คิดว่าสิ่งนี้เป็นเหมือนก้นของเรา สามารถทำความสะอาดได้ด้วยน้ำประปาปกติ หรือน้ำที่ไม่สกปรกเกินไป โดยสามารถเปิดอาบน้ำได้ปกติ และใช้สำลีเช็ดโดยรอบ
วัดขนาดอุปกรณ์
โดยปกติจะวัดให้มีขนาดใหญ่กว่าลำไส้หรือคอทวารเทียมประมาณ 2 มิลิเมตรโดยรอบ โดยยึดจากคอไส้ (ผนังหน้าท้อง)
ตัดอุปกรณ์
ตัดตามขนาดที่วัด เนื่องจากเวลาที่มีน้ำมาจากอุจจาระจะทำให้คอไส้บวมขึ้นมาและรัดขอบได้พอดี หากตัดเล็กเกินไปอาจทำให้เสียดสีได้
ติดอุปกรณ์
ติดตอนที่พื้นผิวหนังแห้ง เรียบ เพื่อให้ติดได้ทนทาน อยู่นาน
- บริเวณผิวหนังรอบทวารเทียมต้องแห้งและสะอาด
- พื้นผิวหนังรอบทวารเทียมต้องทำให้เรียบเสมอกัน
- รูเปิดของอุปกรณ์ไม่ควรตัดกว้างหรือชิดเกินขนาดของทวารเทียม (ขนาดรูเปิดของอุปกรณ์ที่เหมาะสมคือใหญ่กว่าตัวทวารเทียมประมาณ 2 มิลิเมตร)
ผิวหนังเรียบ
หลักการของการติดอุปกรณ์ที่ดีคือต้องทำผิวหนังให้เรียบ ใช้อุปกรณ์ที่มีความยืดหยุ่น และใช้กาวช่วย ซึ่งไม่ใช่การดึงให้ตึง แต่จะใช้วิธีการค่อยๆ คลี่เนื้อให้เรียบ ให้แผ่นแป้นค่อยๆ ติดไปกับพื้นผิวทุกจุด จะทำให้อุปกรณ์สามารถติดอยู่ได้ตามระยะเวลาการใช้งาน (3-7 วัน)
เปลี่ยนอุปกรณ์
ควรเปลี่ยนอุปกรณ์เมื่อไร
ทวารเทียมเพื่อขับถ่ายอุจจาระ
เปลี่ยนขณะท้องว่าง (ยังไม่ได้ทานอาหาร) หรือหลังอาหารไปแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
ทวารเทียมเพื่อขับถ่ายปัสสาวะ
ไม่จำกัดเวลา เพราะน้ำปัสสาวะมักไหลตลอด
มีเทคนิคคือใช้ลำสีปิดตรงจุก เพื่อช่วยซับน้ำปัสสาวะที่ซึมออกมา และทำให้แป้นแห้งที่สุดขณะที่เปลี่ยน
อุปกรณ์ทำความสะอาดผิวหนังรอบทวารเทียม
- น้ำสะอาด และน้ำสบู่อ่อน
- สำลีสะอาด
- ถุงพลาสติกสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้แล้ว
- ถุงทวารเทียมใบใหม่
- ถุงมือ
**ห้ามใช้แอลกอฮอล์ หรือยาฆ่าเชื้อ เพราะจะทำลายเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังแห้ง และทำให้มีปัญหาในการติดอุปกรณ์
ลอกอุปกรณ์
ใช้วิธีการกดหน้าท้องออกจากแป้น ไม่ใช้การดึงอุปกรณ์ออกจากหน้าท้อง
ประกบปิดถุง
แบบถุง 2 ชิ้น
ลอกตัวแผ่นกาวด้านหลังแป้นออก ค่อยๆ ปิดจากล่างขึ้นบน แล้วนำถุงมาครอบ
Tips : อาจใช้วาสลีนช่วยโดยการทาหล่อลงไปตรงส่วนกลมๆ ของตัวถุง จะช่วยทำให้ครอบง่ายขึ้น
การกลับปลายถุงเพื่อถ่ายของเสียออกจากถุง
กลับปลายถุงขึ้นมาเล็กน้อย และเทอุจจาระลงในชักโครก จากนั้นกรอกน้ำ ล้างซับบริเวณปากถุงให้แห้งสะอาด
เมื่อเอาของเสียออกจากถุง อย่ารูดเอาอุจจาระออกมา เพราะจะทำให้ปลายถุงเลอะและส่งกลิ่น แต่ให้กลับปลายถุงขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเทอุจจาระลงในชักโครก จากนั้นกรอกน้ำ ล้างซับบริเวณปากถุงให้แห้งสะอาด
ปรับตัวอย่างไร เมื่อมีทวารเทียม
เริ่มจากการปรับตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป การรักษาและการดูแลตัวเองจะช่วยให้เราสามารถกลับสู่สภาวะปกติได้
- กิน เริ่มแรกอาจจะทานน้อยๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็นปริมาณใกล้เคียงปกติได้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายได้
- อาบน้ำด้วยการตักอาบได้ ใช้ฝักบัวได้ ไม่แช่ตัวในอ่างน้ำ หรืออาบน้ำในลำคลอง
หลักปฏิบัติเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร
- รับประทานอาหารหลากหลาย
- เคี้ยวอาหารให้ละเอียด
- ดื่มน้ำให้มาก วันละ 2-3 ลิตร
- หลีกเลี่ยงอาหารที่สร้างปัญหาระบบทางเดินอาหาร
- ถ้าอยากลองทานอาหารที่ไม่คุ้นเคย ควรลองทีละอย่าง
มีลมเยอะในทางเดินอาหารเพราะ
- อาหารประเภทถั่ว อาหารย่อยยาก เครื่องดื่มที่มีการอัดลม เบียร์
- เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
- พูดระหว่างรับประทานอาหาร
- มีการติดเชื้อในทางเดินอาหาร หรือมีการเปลี่ยนแปลงชนิดแบคทีเรียในทางเดินอาหาร
ลดปริมาณลมหรือแก๊สได้อย่างไร
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดลมในกระเพาะมาก
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่ง
- เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน
- พูดระหว่างมื้อให้น้อยลง
- รับประทานโยเกิร์ต หรืออาหารที่มีโพรไบไอติกส์ หรือพรีไบโอติกส์ เพื่อเพิ่มแบคทีเรียตัวดีในทางเดินอาหาร
- ใช้อุปกรณ์ช่วยดูดก๊าซ
เคล็ดไม่ลับ เมื่อต้องเดินทาง
- เตรียมอุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่ายให้มากพอต่อการใช้
- เปลี่ยนอุปกรณ์เป็นถุงปลายปิดเมื่อไม่แน่ใจเกี่ยวกับความสะดวกของห้องสุขา
- เลือกถุงที่มีแผ่นช่วยซับเหงื่อเมื่อไปในที่ๆ มีอากาศร้อน
- ใช้เข็มขัดช่วยให้การติดแน่นกระชับ
- หลีกเลี่ยงอาหารเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดลมในกระเพาะมาก เช่น น้ำอัดลม เบียร์
- จัดเก็บอุปกรณ์ไว้ในที่เหมาะสม ไม่ร้อน เช่น ไม่ควรเก็บไว้ในรถยนต์
ปัญหาเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์
อาจเกิดปัญหาในเรื่องเพศสัมพันธ์ในช่วงแรกหลังการผ่าตัด แต่ก็สามารถค่อยๆ ปรับตัวกันไปได้จนเข้าสู่สภาวะปกติมากขึ้น
สิ่งที่อาจเกิด
- ขาดความต้องการ ไม่กระตือรือร้นที่จะมีเพศสัมพันธ์
- ช่องคลอดแห้ง
- ช่องคลอดแคบ
- อวัยวะไม่แข็งตัว
- มีอาการเจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์
สาเหตุของปัญหาเพศสัมพันธ์
มีหลายสาเหตุ ลองค่อยๆ คลายไปทีละเหตุ
- การรักษา การผ่าตัด การฉายแสง ยาเคมีบำบัด
- ความเชื่อ
- ภาพลักษณ์
- ตัวโรคมะเร็ง ฯลฯ
หากคลายเหตุไม่ได้ ก็คลายที่ใจ ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ยอมให้ตัวเองเป็นอย่างที่กำลังเป็นได้
อ่านเพิ่มเติมเรื่อง
ปรับตัวปรับใจ กับชีวิตที่มีทวารเทียม
สรุปเนื้อหา และรับชม Live ย้อนหลัง
จากโครงการ Thai Cancer Academy
ตอน Home Chemotherapy และกินอยู่อย่างไรเมื่อมีถุงทวารเทียม
โดยคุณหมอและพยาบาลผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
👨⚕️ อาจารย์นายแพทย์ พิชัย จันทร์ศรีวงศ์ : แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง มะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย
👩⚕️ พว.ประไพ อริยประยูร : พยาบาลวิชาชีพขั้นสูง รพ.รามาธิบดี
👨⚕️ คุณสมบัติ หทัยเปี่ยมสุข : ประธานชมรมมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก