มะเร็งตับ

มะเร็งตับ - Liver cancer

ค่อยๆ รู้จักมะเร็งตับ

การดูแลสุขภาพตับ

เริ่มรู้จักกัน

ตับ (Liver)

ตับ เป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดภายในร่างกาย

หน้าที่หลักที่สำคัญที่สุดของตับ คือ กรองของเสียและขจัดสารพิษตกค้างจากการทานอาหารออกไปจากร่างกาย

หากทานอาหารที่ไม่มีคุณประโยชน์อาจส่งผลเสียต่อตับได้ ดังนั้นเราจึงควรใส่ใจการทานอาหารเพื่อบำรุงตับให้มากขึ้น รวมถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ตับแข็งแรง

หน้าที่ของตับ

  • รักษาสมดุลร่างกาย : ทำหน้าที่ควบคุมสภาพร่างกายให้มีความสมดุล
  • กรองของเสียและขจัดสารพิษ : กรองของเสียและขจัดสารพิษตกค้างออกไปจากร่างกาย อันรวมถึงช่วยขจัดสารพิษและกำจัดเชื้อโรคต่างๆ ออกจากเลือด
  • สร้างภูมิคุ้มกัน : สร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อ
  • ช่วยให้เลือดแข็งตัวและสร้างน้ำดี : สร้างโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบที่ทำให้เลือดแข็งตัว รวมถึงสร้างน้ำดีซึ่งช่วยดูดซึมไขมันและวิตามินชนิดละลายในน้ำมัน

มะเร็ง

เป็นโรคที่เกิดจากการผิดปกติของเซลล์ที่แบ่งตัวต่อเนื่อง จนเกินการควบคุม

มะเร็งตับ

มะเร็งตับ เป็นโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นในเนื้อตับ ซึ่งเกิดจากเซลล์ตับที่มีการเจริญเติบโตผิดปกติจนกลายเป็นเนื้องอกร้าย

ชนิดของมะเร็งตับ

  • มะเร็งเซลล์ตับ (hepatocellular carcinoma) : เกิดจากเซลล์ตับที่มีการเจริญเติบโตผิดปกติ
  • มะเร็งท่อน้ำดี (cholangiocarcinoma) : เนื้องอกเกิดจากเซลล์บุท่อน้ำดีเจริญเติบโตผิดปกติ
    • มะเร็งท่อน้ำดีของเนื้อตับ : สาเหตุที่พบเจอได้บ่อย คือ มีพยาธิใบไม้ในตับ – ซึ่งเป็นพยาธิที่มีการปนเปื้อนอยู่ในของหมักดองประเภท ปลาร้า ปลาดิบ เนื้อดิบ อาหารสุกๆ ดิบๆ โดยพยาธิที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารจะชอนไชไปตามท่อน้ำดีที่อยู่ในเนื้อตับและอาศัยอยู่ในนั้น เนื่องจากในท่อน้ำดีมีสารอาหารที่พยาธิใบไม้ต้องการ หากพยาธิใบไม้อุดตันในท่อน้ำดี จะก่อให้เกิดอาการตัวเหลืองหรือตาเหลือง

กรณีมะเร็งที่แพร่กระจายมายังตับ

หากเนื้องอกร้ายในเนื้อตับเกิดจากเซลล์มะเร็งที่มีต้นกำเนิดในอวัยวะอื่นแล้วแพร่กระจายมายังตับ จะไม่ได้เรียกมะเร็งตับ แต่เรียกมะเร็งกลุ่มนี้ว่า มะเร็งตับแพร่กระจาย (metastatic liver cancer) ซึ่งอาจมีต้นตอของเซลล์มะเร็งมาจากเนื้องอกร้ายของตับอ่อน กระเพาะอาหาร ลำไส้ เต้านม หรือปอด เป็นต้น

สถิติ

โรคมะเร็งตับ (Hepatocellular Carcinoma ) เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยอันดับ 1 ในผู้ชายและอันดับ 3 ในผู้หญิง

หากเทียบในมะเร็งทั้งหมด มะเร็งตับพบบ่อยเป็นอันดับ 4 ของทั้งเพศชายและเพศหญิงที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง มะเร็งตับเป็นโรคร้ายที่ทำให้เสียชีวิตได้ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยวิธีการรักษาหลายวิธี ที่สำคัญคือการเฝ้าระวังการเกิดโรคอย่างสม่ำเสมอ ด้วยวิธีตรวจสุขภาพและอื่นๆ หากรู้ตัวว่าตนเองอยู่ในความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งตับ

ที่สำคัญคือการเฝ้าระวังการเกิดโรคอย่างสม่ำเสมอ ด้วยวิธีตรวจสุขภาพและอื่นๆ หากรู้ตัวว่าตนเองอยู่ในความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งตับ

ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งตับ

การค้นหามะเร็งในกลุ่มเสี่ยงในระยะที่ไม่แสดงอาการมีความสำคัญมาก

แพทย์จึงแนะนำให้คนในผู้มีความเสี่ยงสูงตรวจเพื่อเฝ้าระวังการเกิดมะเร็งตับอย่างสม่ำเสมอ

กลุ่มเสี่ยงของโรคมะเร็งตับ

การค้นหามะเร็งในระยะที่ไม่แสดงอาการในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงมีความสำคัญมาก แพทย์จึงแนะนำให้ผู้มีความเสี่ยงสูงเข้ารับการตรวจเฝ้าระวังการเกิดมะเร็งตับอย่างสม่ำเสมอ

ใครเป็นผู้มีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งตับ และต้องมีการตรวจติดตาม

  • ตับอักเสบ/ไวรัสตับอักเสบ : ผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี รวมถึงผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีหรือซี
    • โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอย่างเรื้อรัง เพศชายอายุ 40 ปีขึ้นไป และเพศหญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป
    • ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอย่างเรื้อรัง ที่มีญาติสายตรงลำดับที่ 1 เป็นมะเร็งตับ
    • ผู้ป่วยตับอักเสบเรื้อรังจากเหตุใดก็ตามที่มีพังผืดที่ตับ
  • ตับแข็ง : ผู้มีภาวะตับแข็ง และผู้ป่วยตับแข็งที่เกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น
    • การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี
    • ดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลานาน
    • โรคตับคั่งไขมันจากภาวะอ้วน
    • ตับอักเสบจากภาวะแพ้ภูมิตนเอง
    • โรคตับคั่งน้ำดี
  • ผู้ที่ดื่มสุรามากๆ
  • ผู้ใช้ยาบางชนิด ที่เสี่ยงต่อโรคตับ
  • ผู้มีภาวะไขมันเกาะตับ

มากกว่าครึ่งของผู้ป่วยมะเร็งตับ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง

การป้องกันมะเร็งตับ

  • ดูแลสุขภาพทั่วไปให้แข็งแรง
  • รับประทานอาหารอย่างเหมาะสม
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่
  • พักผ่อนอย่างเพียงพอ

สำหรับผู้ที่ไม่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีและยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสดังกล่าว สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันโรคต่างๆ คือการดูแลสุขภาพทั่วไปให้แข็งแรง รับประทานอาหารอย่างเหมาะสม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และพักผ่อนอย่างเพียงพอ สิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมสุขภาพในทุกด้านได้ดีที่สุด

เคล็ดไม่ลับ ดูแลตับให้แข็งแรง

โรคมะเร็งตับ มีอาการอย่างไร

ระยะเริ่มต้น รักษาให้หายขาดได้

โรคมะเร็งตับในระยะเริ่มต้นจะไม่มีอาการแสดง โดยจะมีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นขนาดเล็กประมาณ 2-3 เซนติเมตร เป็นระยะที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ผู้ป่วยอาจรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งตับเมื่อตรวจสุขภาพ

หากมีอาการแสดง จะรักษาให้หายขาดได้ยาก

เมื่อเซลล์มะเร็งมีขนาด 10 เซนติเมตรขึ้นไป จึงจะแสดงอาการของโรคมะเร็งตับ ซึ่งเป็นระยะที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ยาก

อาการแสดง

โดยเมื่อก้อนเนื้อร้ายมีขนาดใหญ่ขึ้น จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดังนี้

  • ปวดจุกบริเวณชายโครงด้านขวาหรือช่องท้องส่วนบน
  • เบื่ออาหาร
  • น้ำหนักตัวลดลง
  • ท้องมาน
  • ขาบวม
  • ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม
  • ตาและตัวเหลือง หรือดีซ่าน

การตรวจคัดกรองเพื่อป้องกัน
และการตรวจวินิจฉัย

ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งตับ

การตรวจคัดกรองเพื่อป้องกัน

หากเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงโรคมะเร็งตับ ควรตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อการคัดแยกโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น นำไปสู่การรักษาให้หายขาดได้

การตรวจคัดกรองหรือเฝ้าระวังการเกิดมะเร็งตับ ทำโดยการ

  • ตรวจอัลตราซาวนด์หารอยโรคผิดปกติในเนื้อตับ
  • หรือร่วมกับการตรวจเลือดวัดระดับ alfa-fetoprotein (AFP)

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งตับ

ถ้าการตรวจนี้พบความผิดปกติสงสัยเนื้องอกในตับ แพทย์จะแนะนำให้ตรวจภาพรังสีวินิจฉัยของตับเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (computed tomography) หรือภาพเสียงสะท้อนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (magnetic resonance imaging) เพื่อให้การวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง

แนวทางการรักษา

การรักษาโรคมะเร็งตับ

ผู้ป่วยที่ผลการตรวจต่างๆ บ่งชี้ว่าเนื้องอกที่เกิดขึ้นภายในตับน่าจะเป็นมะเร็งตับ แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อประเมินสมรรถภาพการทำงานของตับ และสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย ร่วมกับข้อมูลขนาด ตำแหน่ง และการแพร่กระจายของเนื้องอกตับ เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป

วิธีรักษามะเร็งตับ

การรักษาโรคมะเร็งตับมีหลายวิธีด้วยกัน โดยแพทย์จะเลือกใช้ตามอาการของคนไข้ และระยะของโรค

  • หากป่วยระยะเริ่มต้น สามารถรักษาให้หายขาดได้หลายวิธี ได้แก่ ผ่าตัดรักษาตับเพื่อเอาเนื้อมะเร็งออกได้หมด ผ่าตัดเปลี่ยนตับ หรือใช้ความร้อนขี้หรือเผาให้เซลล์มะเร็งตาย
  • มากกว่าระยะเริ่มต้นอาจใช้การรักษาเฉพาะที่ ด้วยวิธีฉีดยาเคมีผ่านหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงเนื้องอก ร่วมกับฉีดสารอุดหลอดเลือดดังกล่าว (transarterial chemoembolization) เพื่อให้เซลล์มะเร็งยุบลง
  • หากอยู่ในระยะลุกลามไปยังอวัยวะอื่น อาจใช้วิธีการรักษาด้วยยามุ่งเป้า ซึ่งเป็นตัวยาในปัจจุบันที่ใช้รักษามะเร็งนอกเหนือจากเคมีบำบัดซึ่งมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่า
  • และยังมีการรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด หรือยาเคมีบำบัดด้วย

ผลการรักษาด้วยการผ่าตัด หากสามารถผ่าตัดชิ้นเนื้อมะเร็งออกได้ทั้งหมด สามารถหายขาดได้ แต่ที่ต้องระวังคือการกลับมาเป็นซ้ำ จึงต้องมีการติดตามอาการของคนไข้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้การรักษาอาจปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล และการรักษาเหล่านี้จะทำควบคู่ไปกับการรักษาโรคตับพื้นฐาน เพื่อประคับประคองหรือฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของตับ และพร้อมรับการรักษาต่อไป

เข้าใจเรื่องการรักษามะเร็งตับ

  • กายวิภาคตับค่อนข้างซับซ้อน การรักษามะเร็งตับจึงรักษาได้ยาก
  • มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนในการผ่าตัดมากพอสมควร ที่ผ่านมามีอัตราการเสียชีวิตจากการผ่าตัดรักษามะเร็งตับร้อยละ 3
  • ผลการรักษาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ตัวคนไข้ ภาวะการทำงานของตับ หากร่างกายคนไข้ไม่แข็งแรงพอ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย หรือถ้าหากภาวะการทำงานของตับเสื่อมประสิทธิภาพจะมีความเสี่ยงต่อภาวะไตวายจากการผ่าตัด
  • สามารถรักษาให้หายขาดได้ในระยะเริ่มต้น หากเป็นมากจะรักษาได้ยาก
  • การผ่าตัดเปลี่ยนตับสามารถทำได้ในคนไข้ที่มีอาการไม่มาก และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
  • ในผู้ป่วยที่มีภาวะตัวเหลือง ขาบวม ท้องโต แสดงออกถึงภาวะการทำงานของตับที่เสื่อมประสิทธิภาพ การรักษาด้วยการผ่าตัด การทำเคมีบำบัด การฉายแสง หรือการได้รับยาที่รุนแรง อาจเป็นอันตราย

หากสามารถผ่าตัดชิ้นเนื้อมะเร็งออกได้ทั้งหมด สามารถหายขาดได้

แต่ก็ต้องระวังการกลับมาเป็นซ้ำ จึงต้องมีการติดตามอาการของคนไข้อย่างต่อเนื่อง

การดูแลสุขภาพของผู้มีมะเร็งตับ

  • ทานสารอาหารครบ : รับประทานอาหารที่สะอาดให้ครบ 5 หมู่ ทานอาหารหลากหลาย และหลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
  • ทานอาหารรสอ่อน ปรุงน้อย : ทานอาหารรสอ่อนที่ปรุงรสด้วยเกลือหรือน้ำปลาในปริมาณน้อย เพื่อช่วยในการรักษาหรือป้องกันภาวะท้องมานและขาบวม
  • หลีกเลี่ยงอาหารเสริม สมุนไพร และยาที่ไม่จำเป็น : หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริม สมุนไพร หรือยาต่างๆ ที่ไม่จำเป็น เนื่องจากสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดตับอักเสบรุนแรงจนผู้ป่วยมะเร็งตับเสียชีวิตเร็วก่อนเวลาอันควร

เข้าใจเรื่องตับเพิ่มเติม

80% ของคนที่มารักษาโรคตับ เกิดจากการขาดวิตามินดี ทำให้ภูมิต้านทานอ่อนแอ

Vitamin D มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ปรับสมดุล และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถต้านไวรัสได้มากขึ้น

อย่าหาอะไรไปทำลายตับ
ให้หาอะไรไปบำรุงตับ

  • หน้าที่ของตับ
  • ดูแลตับได้อย่างไร
  • สาเหตุของโรคตับ
  • อาการเมื่อปล่อยให้ตับมีปัญหามาก
  • โรคตับต่างๆ

ขอบคุณแหล่งข้อมูล

  1. เคล็ดไม่ลับ ดูแลตับให้แข็งแรง, รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์, https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/liver-care
  2. Global cancer observatory – Thailand, Cancer today – Globocan 2022, https://gco.iarc.who.int/media/globocan/factsheets/populations/764-thailand-fact-sheet.pdf
  3. มะเร็งตับ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์, https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/liver-cancer
  4. มะเร็งตับ – คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี, https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/มะเร็งตับ/
-+=